Tuesday, January 17, 2017

ฉันกลายเป็นแฮ็กเกอร์ภาษาโปร

เมื่อตอนฉันอายุ 21 ฉันยังสามารถพูดได้เพียงแค่ภาษาไทยภาษาเดียว แน่นอนว่าต้องพูดได้ถาษาเดียวก็เพราะฉันอาศัยอยู่แต่ในประเทศไทยที่พูดแต่ภาษาไทยไงละ และฉันก็มั่นใจมากว่าฉันไม่น่าจะมีพรสวรรค์ที่จะไปพูดภาษาอื่น และฉันก็คิดว่าฉันอาจจะแก่เกินไปที่จะไปเที่ยว แล้วก็อายเกินไปที่จะไปพูดภาษาอื่นๆกับชาวต่างประเทศด้วย ทั้งหมดนี้ก็เพราะพราะฉันมีความทรงจำที่ค่อนข้างเลวร้ายมาก่อนเกี่ยวกับการไปเที่ยวต่างประเทศแล้วก็เรื่องการเรียนภาษา

ดังนั้นฉันจึงไม่ได้มีโอกาสที่จะต้องใช้ภาษามากนัก แต่หลังจากเรียนจบ(ซึ่งแน่นอนว่าเรียนด้วยโปรแกรมภาษาไทยทั้งสิ้น) ฉันก็ดันต้องย้ายไปที่อเมริกา! และนี่คือโอกาสที่ดี!ที่จะได้แก้ปัญหาเรื่องภาษาที่แย่ๆของฉันสักที แต่ก็ไม่เลย! ตัดภาพมาที่หกเดือนต่อมาของการใช้ชีวิตในอเมริกาฉันก็ยังไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้เลย มันช่างไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย! นี่ฉันอยู่ที่สหรัฐอเมริกานะ!! โอเค ฉันเลยคิดว่าควรเปลี่ยนวิธีการแล้วก็ทัศนคติบางอย่าง บางทีมันอาจจะสามารถช่วยแก้ไขเรื่องทักษาะทางภาษา(ที่ต่ำต้อย)ของฉันได้บ้าง เหมือนฟ้าประทานวันหนึ่งฉันได้พบกับผู็ชายคนนึงจากประเทศไทยที่เขาสามารถพูดภาษาอังกฤษได้คล่องปร๋อแบบสมบูรณ์แบบมากๆ ซึ่งเขาบอกว่าเขาใช้เวลาฝึกในระยะสั้นๆเท่านั้น! ครั้งแรกที่คุยกับเขาสิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวก็คือ "ฉันอยากทำได้แบบเขาบ้าง!" พอฉันคิดแบบนี้ฉันก็คิดเลยว่าต้องเป็นแบบเขาให้ได้ เพราะฉันอยากให้คนอื่นๆมาแอบชื่นชมฉันในใจ คิดว่าฉันเท่ แล้วก็ประทับใจใจตัวฉัน นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจในการเรียนภาษาของฉัน ดังนั้น สิ่งที่ฉันค้นพบหลังจากผ่านไป 6 เดือน ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดสำหรับเราในการเรียนภาษาก็คือ พวกเราเริ่มต้นกันแบบผิดๆ และเรามีเป้าหมายที่ใช้เป็นแรงจูงใจในการเรียนแบบผิดๆเช่นกัน เพราะที่ผ่านมาพวกเราเรียนเพียงเพื่อหวังให้สอบผ่าน หรือเพื่อความก้าวหน้าในอาชีพในงานเท่านั้น ซึ่งสำหรับฉันเหตุผลที่เป็นแรงจู.ใจที่ดีที่สุดก็คือการทำให้ผู้อื่นประทับใจในตัวฉัน และสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้จากผู้ชายคนนั้นที่ฉันพบก็คือ เขาหลงใหลในภาษา เขาชอบที่จะศึกษาเรื่องเกี่ยวกับวรรณกรรมและภาพยนตร์ ดังนั้นเขาจึงเริ่มต้นที่จะฝึกฝนจากการอ่านและลองนำมาใช้พูดจรงๆกับทุกคนที่เขาพบ และเมื่อฉันลองจัดลำดับความสำคัญในการใช้ภาษาของแต่ละคน ฉันก็พบว่าฉันก็สามารถเรียนภาษาได้ด้วยตัวเอง แต่ก็ยังมีผู้คนมากมายที่รู็สึกว่าตัวเองไม่สามารถเรียนได้ ดังนั้นฉันจึงอยากจะก้าวผ่านมันไป หลังจากฉันถามทุกคนฉันสรุปได้ว่ามันมีทั้งหมด5ข้อใหญ่ๆที่ทำให้พวกเขาไม่เคยที่จะได้เรียนภาษาหรือไม่กล้าที่จะลองเรียนภาษาด้วยตัวของพวกเขาเอง ไม่มีพรสวรรค์ทางด้านภาษา หมายความว่าอะไร? ฉันหมายถึงในบางครั้งนี่คือจุดที่ผู้คนส่วนมากคิด อย่างฉันที่เคยคิดว่าฉันไม่สามารถเรียนหรือพูดภาษาอังกฤษได้หรอกเพราะหลังจากพยายามเรียนมา6เดือนมันก็ยังพูดไม่ได้(ขนาดอยู่ที่อเมริกาแล้วด้วยนะ) ดังนั้นฉันจึงมักคิดเข้าข้างตัวเองเสมอว่า ที่พูดไม่ได้เป็นเพราะฉันไม่มีพรสวรรค์ทางด้านนี้ และถึงจะพูดไม่ได้มันก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย โลกก็ยังไม่แตกสักหน่อย แต่ถ้าคุณลองคิดถึงใครสักคนที่สามารถทำมันได้ อย่างคนในโรงเรียนเดียวกับเรามหาวิทยาลัยเดียวกับเราที่เขาสามารถพัฒนาทักาะของเขาได้อย่างรวดเร็วกว่าคนอื่น บางทีพวกเขาอาจจะเกิดมาอยู่ในพวกที่มีพรสวรรค์และอาจจะมีคนจำพวกนี้อยู่สัก20% โชคเข้าข้างจริงๆ! แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่สามารถกลายเป็น1ใน20%สักหน่อย อย่างฉัน ฉันพบว่าถ้าอยากกลายเป็นคนที่มีพรสวรรค์ทางด้านภาษาเราก็แค่ฝึกฝนหนักขึ้น พยายามมากกว่าคนอื่นหน่อย เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นถ้าจะบอกว่าตัวเองไม่มีทักษะหรือพรสวรรค์ทางด้านนี้ฉันว่ามันไม่ใช่ข้อแก้ตัวที่ดีสักเท่าไหร่ คุณไม่สามารถหรือไม่มีความจำเป็นที่จะเดินทางไปต่างประเทศ ถ้าประมาณ20ปีที่แล้ว ข้อนี้อาจจะถูกต้อง แต่ว่าตอนนี้คุณต้องยอมรับว่าโลกเรามันเล็กลงเรื่อยๆ ขอบคุณอินเทอร์เน็ตซะ ที่ทำให้เราสามารถเชื่อมต่อกับเจ้าของภาษาจากทั่วทุกมุมโลกได้ ในบางทีคุณอาจจะพบคนที่อยากเรียนภาษาของคุณเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นพวกคุณก็สามารถแลกเปลี่ยนกันได้ และเรื่องเงินก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับมิตรภาพใหม่ๆด้วย แต่ถึงแม้เราจะลิมเรื่องอินเตอร์เน็ตไปได้ แต่เราก็ยังต้องพบเจอคคนมากมายรวมถึงคนต่างชาติที่มาอาศัยอยู่ในประเทศของเรา ตอนที่ฉันไปอยู่อเมริกาฉันก็เจอผู้คนมากมายที่อยากพัฒนาตัวเอง พวกเขาเหล่านั้นจะไปตามสถานที่ชุมชนต่างๆเพื่อไปคอยฝึกสนทนาภาษาอังกฤษกับเจ้าของภาาาเอง เห็นไหม ไม่เสียเงินและยังได้เพื่อนใหม่ด้วย! อย่างคุณก็สามารถเรียนภาษาได้ทุกที่ทุกเวลาตามที่คุณต้องการเช่นกัน อย่างฉันก็สามารถประสบความสำเร็จได้ต่อให้ไม่ได้อยู่ในอเมิรกา หรือไม่มีชาวอเมริกันมารายล้อม เพราะอย่างน้อยฉันก็ยังมีSkypeไว้ให้ฉันได้พูดคุยกับเจ้าของภาษาเองสัก1หรือ2ชั่วโมงต่อวัน ดังนั้นการที่ไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศเพื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่รายล้อมไปด้วยเจ้าของภาษาก็ไม่ใช่ข้อแก้ตัวที่ดีเช่นกัน คุณไม่ได้มีความจำที่ดีเลิศเพื่อจำคำศัพท์ทั้งหมด แน่นอนว่านี่คือสิ่งแรกที่ฉันคิดเมื่อฉันกำลังเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ เพราะฉันรู้สึกว่าหลังจากที่ฉันจดคำศัพท์มาเพื่อท่องจำหลังจากท่องเสร็จฉันก็ลืมมันอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีงานวิจัยหนึ่งกล่าวว่าคุณจะสามารถจำอะไรได้ดีขึ้นเมื่อคุณได้เคยแก้ไขมันมาแล้ว ซึ่งเทคนิคนี้เรียกว่าการทำซ้ำๆไปเรื่อยๆ นำมาท่องและจดเทคนิคเฉพาะตัวของคุณลงไป นี่แหละคือวิธีที่คนที่ประสบความสำเร็จเค้าแนะนำมา ต่อไปฉันคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ผู้คนมักจะบอกอยู่เสมอก็คือ พวกเขาอายและกลัวเจ้าของภาษา ซึ่งนี่ไม่เป็นความจริงเลย เพราะฉันเคยไปหลายสถานที่มามากมายและทุกที่ฉันก็พยายามใช้ภาษาของเขาเพื่อสื่อสารกับพวกเขา ซึ่งฉันรับรู้ได้เลยว่าเจ้าของภาษานั้นดูมีความสุขและยินดีมากที่เรากำลังอยากเรียนรู้ภาษาของเขา ความจริงการเรียนภาษานอกจากจะนำมาใช้ในการสื่อสารแล้ว เรายังสามารถเรียนรู้วัฒนธรรมของพวกเขาได้ ถึงแม้คุณจะทำพลาดบ้างฉันว่ามันก็โอเค ที่จริงฉันมีเป้าหมายที่จะผิดพลาดประมาณ200ครั้งต่อวันด้วยแหละ เพราะเมื่อฉันผิดพลาดฉันก็จะรู้ว่าฉันผิดตรงไหนและควรแก้ไขยังไง เพราะฉะนั้นเลิกอายที่จะคุยกับเจ้าของภาษาซะ มันมีดีกว่าที่คุณคิดเยอะเลย เมื่อไหร่ที่คุณคิดว่าฉฉันควรเรียนภาษาที่ไหนดี ที่นี่... หรือ ที่นี่... ขอให้เราแนะนำคุณ เราคือใคร? เราคือ TOPICA NATIVE สถาบันสอนภาษาอังกฤษที่จะช่วยให้คุณพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ ที่นี่คุณจะไม่ต้องกังวลกับการฝึกฝนภาษาอังกฤษกับเจ้าของภาษาอีกต่อไป เพราะเรามีอาจารย์ที่มากประสบการณ์จากสหรัฐอเมริกาและสหราชอาราจักร ที่พร้อมจะมาสอนและช่วยเหลือคุณให้บรรลุถึงเป้าหมายในการเรียนภาษาอังกฤษที่คุณตั้งเอาไว้ได้ นอกจากนี้คุณจะยังได้รับการประเมินระดับทักษะทางภาษาอังกฤษของคุณก่อนที่จะเริ่มเรียน เพื่อสร้างแปนการเรียนส่วนตัวของคุณ ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้เป็นสิ่งที่คุณสามารถเริ่มได้เลย ไม่ต้องรออะไรอีกแล้ว! ฉันพูดได้เลยว่าโลกใหม่ของคุณจะเริ่มต้นขึ้นก็ต่อเมื่อคุณเริ่มเรียนรู้ภาษาใหม่ๆ ดังนั้นฉันหวังว่าคุณจะได้ลองมันสักครั้ง! คลิก http://English.topicanative.asia/ เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรม

0 comments:

Post a Comment